วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประวัติความเป็นมาของการออกแบบลวดลาย

           การออกแบบลวดลายมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน พร้อมๆกับวิวัฒนาการของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ยุค ก่อนประวัติศาสตร์ การต่อสู้แก่งแย่งช่วงชิงพื้นที่ในการดำรชีวิต การล่าสัตว์เพื่อหาอาหารประทังชีพ ตลอดจนความหวาดกลัวในสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ ทำให้เกิดการค้นหาสิ่งยึดเหนี่ยวที่จะสร้างขวัญและกำลังใจให้เข้มแข็ง พร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ จึงก่อให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะต่างๆขึ้นมา
paste_image7.jpg
          ก่อนที่มนุษย์จะมีพัฒนาการจนสามารถสร้างผลงานศิลปะได้หลากหลายขึ้นนั้น เชื่อกันว่าการสร้างลวดลายบนร่างกาย ใบหน้าของมนุษย์นั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการออกแบบลวดลายก่อนที่จะนำไปใช้พื้น ผิวของวัสดุอื่นภายหลัง เพราะความต้องการในการกระตุ้นจิตใจให้ฮึกเหิมสร้างความน่ากลัวและน่าเกรงขาม เป็นยุทธวิธีหนึ่งที่จะลดทอนขวัญกำลังใจของคู่ต่อสู่  ในปัจจุบันก็ยังมีชนเผ่าพื้นเมืองบางกลุ่มในเอเชีย อาฟริกา ออสเตรเลีย อเมริกา และอินเดีย ออกแบบลวดลายบนร่างกายเพื่อใช้ในพิธีกรรมตามความเชื่ออยู่ หลังจากนั้นจึงเกิดการขูดขีดเส้นสายต่างๆลงบนอาวุธและเครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ จนเกิดการออกแบบลวดลายเขียนสีบนผนังถ้ำและเพิงผา จากการขุดค้นพบผลงานต่างๆ ของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ทั่วโลก บ่งบอกให้รู้ถึงความสามารถในการคิดค้น สร้างสรรค์ผลงานศิลปะต่างๆ ขึ้นมาปลุกปลอบจิตใจ การขีดเขียนสีหรือการทำลวดลายบนพื้นหินจะถูกเรียกโดยรวมว่า ศิลปะถ้ำ (Cave art) หรือ ศิลปะบนหิน (Rock art)
          ศิลปะถ้ำ เริ่มมีการศึกษากันอย่างจิงจัง เมื่อมีการค้นพบภาพเขียนสีรูปวัวไบซัน (Bison) โดยนักโบราณคดีสมัครเล่น ที่ถ้ำอัลตามิรา ในประเทศสเปนราว
พ.ศ. 2422 ซึ่งเป็นภาพเขียนสีในยุคหินเก่าตอนปลาย อายุประมาณ 10,000 ปีมาแล้ว จากนั้นมาการค้นหาภาพสีของมนุษย์โบราณจึงได้แพร่กระจายทั่วโลก ราว 30 ปี  ต่อมาใน พ.ศ. 2454 จึงมีการค้นพบภาพเขียนสีเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่แหล่งภาพเขียนสีเขาเขียน ในอ่าวพังงา แต่ที่มักจะได้รับการกล่าวถึงกันมาก เพราะเป็นแหล่งเขียนสีที่ใหญ่ที่สุด มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศไทย คือ ที่ผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2524 และเป็นศิลปะถ้ำแห่งแรกในประเทศที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการใน ราชกิจจานุเบกษา
           ในภาคเหนือได้มีการค้นพบภาพเขียนสีในหลายจังหวัด   เช่น  พิษณุโลก  เชียงใหม่  ลำปาง โดยเฉพาะที่จังหวัดลำปางมีการพบภาพเขียนสีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2531 แต่ได้รับการสำรวจอย่างจริงจังในปี พ.ศ. 2541   จากการสำรวจครั้งนี้ทำให้พบว่า       ภาพเขียนสีที่แหล่งโบราณคดีประตูผา อำเภอแม่เมาะ   จังหวัดลำปาง   มีภาพลวดลายต่างมากกว่า   1,872   ภาพ    ซึ่งส่วนมากจะเป็นภาพมือที่ใช้หลากหลายวิธีในการสร้างภาพ   ภาพสัตว์   ภาพคน   และ ภาพสัญลักษณ์    แต่ที่แตกต่างจากแหล่งภาพเขียนสีอื่นๆที่ค้นพบในประเทศไทยก็คือ   ทุกพื้นที่ที่มีภาพเขียนสีบริเวณเชิงผา พื้นดินส่วนล่างจะพบหลุมฝังศพทุกแห่ง ในหลุมศพจะมีโครงกระดูก เครื่องปั้นดินเผาและเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ
   paste_image12.jpgpaste_image13.jpg

เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไป  มนุษย์มีวิวัฒนาการสูงขึ้น  การออกแบบลวดลายต่างๆของมนุษย์ก็เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย      ในบางยุคมีความเจริญรุ่งเรือง      ในบางยุคก็ตกต่ำ     แต่ในวงการประวัติศาสตร์ศิลป์ได้ยกย่องให้อียิปต์    กรีก     และโรมันเป็นยุคที่มนุษย์มีพัฒนาการทางศิลปะถึงจุดสูงสุด  เป็นต้นแบบให้กับศิลปะในยุคต่อมาจนถึงปัจจุบัน


ลักษณะลวดลายของภาพเขียนสี ยุคก่อนประวัติศาสตร์

          ภาพเขียนสีที่พบในศิลปะถ้ำนั้น  ปรากฏลวดลายที่แตกต่างกันไปตามแหล่งค้นพบ บางลวดลายจะมีความคมชัด สื่อความหมายง่ายๆสามารถบอกได้ว่าเป็นภาพอะไร  แต่บางภาพต้องทำการศึกษาวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งโดยดูจากองค์ประกอบอื่นๆด้วย  ลวดลายที่พบเหล่านี้แบ่งออกได้ 2 ลักษณะคือ
  1. ลวดลายเหมือนจริง เป็นลวดลายที่พบเห็นมากที่สุด เช่น คน  สัตว์  มือ  เครื่องมือ  เครื่องใช้  เรือ  และพืชพันธ์ต่างๆ
  2. ลวดลายสัญลักษณ์ เป็นลวดลายที่ผู้สร้างงานต้องการสื่อความหมายหรือบอกให้รู้ถึงบางสิ่งบาง อย่าง ซึ่งไม่สามารถแปลความหมายได้  ต้องทำการศึกษาค้นคว้ากันต่อไป เช่น ภาพสามเหลี่ยม  วงกลม  หรือ ภาพสี่เหลี่ยมมีเส้นทแยงมุม เป็นต้น
paste_image16.jpg paste_image17.jpg
          เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไป  มนุษย์มีวิวัฒนาการสูงขึ้นการออกแบบลวดลายต่างๆของมนุษย์ก็เปลี่ยนไปตามยุค สมัย ในบางยุคมีความเจริญรุ่งเรือง  ในบางยุคก็ตกต่ำ  แต่ในวงการประวัติศาสตร์ศิลป์ได้ยกย่องให้อียิปต์  กรีก และโรมันเป็นยุคที่มนุษย์มีพัฒนาการทางศิลปะถึงจุดสูงสุด เป็นต้นแบบให้กับศิลปะในยุคต่อมาจนถึงปัจจุบัน

ความหมายของการออกแบบลวดลาย
 การออกแบบลวดลายในความหมายของภาษาไทยตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.  2542    ไม่มีการกล่าวถึงและคำว่า   การออกแบบ    หรือ    ออกแบบ  ก็ไม่มีปรากฎ  มีแต่คำว่าลวดลาย   ซึ่งหมายถึง   ลายต่างๆที่เขียนหรือแกะสลัก, ฝีมือความสามารถที่แสดงให้ปรากฏ   
ในความหมายของภาษาอังกฤษมีคำที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับการออกแบบลวดลายดังนี้
                Decorate.   vt.   หมายถึง   การตกแต่ง, ประดับ
                Ornament.  vt.   หมายถึง   ประดับ
                                    n.   หมายถึง   เครื่องประดับ
                design.        vt.   หมายถึง   ออกแบบ, แผนการ
                                       n.    หมายถึง   แบบ, การออกแบบ,ลวดลาย, แผนการ
          การออกแบบลวดลาย (Decorative Design) หมายถึง      การออกแบบเพื่อใช้ในการตกแต่ง ประดับพื้นที่  หรือวัสดุต่างๆให้มีความสวยงามเหมาะสม   กลมกลืนมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยลวดลายเหล่านี้อาจจะมีความหมายชัดเจนหรือเป็นสัญลักษณ์
          จะเห็นได้ว่า    การออกแบบลวดลายไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาได้โดยอิสระ  ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย  เช่น  สถานที่ พื้นที่ ขนาด วัสดุ สิ่งต่างๆเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดให้การออกแบบลวดลายอยู่ในขอบเขตตาม วัตถุประสงค์



ชนิดของการออกแบบลวดลาย

           ผลงานการออกแบบลวดลายที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมา  บ่งบอกถึงจินตนาการไม่มีที่สิ้นสุดของมนุษย์
ซึ่งผลงานเหล่านี้จะมีความแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของงาน ของวัสดุ และของกรรมวิธีในการสร้างสรรค์

การออกแบบลวดลายแบ่งออกเป็นชนิดใหญ่ๆได้ 3 ชนิด คือ

  1. การออกแบบลวดลายตกแต่งวัสดุ 2 มิติ
  2. การออกแบบลวดลายตกแต่งผลิตภัณฑ์  3 มิติ
  3. การออกแบบลวดลายสถาปัตยกรรม

1.  การออกแบบลวดลายตกแต่งวัสดุ  2  มิติ

                การออกแบบลวดลายตกแต่งวัสดุ 2 มิติ เป็นการออกแบบลวดลายลงบนวัสดุที่เป็นพื้นระนาบ  มีความกว้างกับความยาวเท่านั้น  เช่น  กระดาษ  ไม้  ผนัง  ผ้า  กระจก  ซึ่งลักษณะของลวดลายที่ออกแบบลงบนวัสดุเหล่านี้  จะแตกต่างออกไปตามวัตถุประสงค์และกรรมวิธี เช่น
paste_image19.jpg
                1.1  การออกแบบลวดลายบนกระดาษ  เป็นการออกแบบที่ต้องการบันทึกเหตุการณ์  เรื่องราวและความรู้ต่างๆให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา  การออกแบบลวดลายลักษณะนี้จึงมักจะใช้ประกอบกับการเขียนอักษร  โดยการใช้ลวดลายเป็นสื่ออธิบายให้ทำความเข้าใจง่ายขึ้น  การออกแบบลวดลายบนกระดาษสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การวาดภาพ  การทำแม่พิมพ์จากไม้หรือโลหะ  การจารด้วยเหล็กแหลม  การพิมพ์ด้วยแท่นพิมพ์
               paste_image25.jpg1.2  การออกแบบลวดลายบนไม้  เป็นการออกแบบเพื่อประดับตกแต่งไม้ที่ใช้ประกอบสถาปัตยกรรมให้มีความสวยงาม  มีเนื้อหาสาระมากขึ้นนอกจากนี้การเตรียมพื้นที่ก่อนการออกแบบลวดลายลงไป  ยังช่วยให้เนื้อไม้มีความทนทานยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น
                1.3  การออกแบบลวดลายบนผนัง    เป็นการออกแบบพื้นผิวระนาบที่มีความเก่าแก่ที่สุด  ที่มีมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์  และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน  เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่รอบตัวมนุษย์  พบเห็นได้ทุกวัน  เช่น  ผนังถ้ำ  เพิงผา  ฝาบ้าน  ผนังโบสถ์และวิหาร  จึงง่ายและเหมาะสมในการออกแบบลวดลาย
                ลักษณะของลวดลายจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยโดยสอดคล้องกับความเชื่อ  ศาสนาและความสามารถของผู้สร้างสรรค์ผลงาน
                1.4  การออกแบบลวดลายบนผ้า  เป็นการออกแบบลวดลายเพื่อตกแต่งวัสดุที่มีความเบาบางอ่อนพลิ้ว  ลักษณะของลวดลายจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน  เช่น  นำมาตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าสำหรับใช้สอย  หรือทำพระบฏสำหรับตอบสนองความเชื่อ  ความศรัทธาในศาสนา  การออกแบบลวดลายผ้ามีหลายวิธี  เช่น  การย้อมผ้า  การทอและการวาดภาพระบายสี
                1.5  การออกแบบลวดลายบนกระจก    เป็นการออกแบบลาดลายบนวัสดุที่มีความมันและเรียบ  โดยการเขียนสี  กัดด้วยกรดหรือพ่นด้วยทราย  ในสมัยโกธิก (Gothic) จะใช้วิธีประดับกระจกสีหน้าต่าง (Stained  Glass) ของวิหาร  ความสดใสของสีกระจกเมื่อแสงสว่างส่องผ่าน  สร้างบรรยากาศให้เกิดความขลังและศักสิทธิ์
 
 การออกแบบลวดลายผนังหุ้มกลอง  ด้านหลังพระพุทธสิหิงค์ วิหารลายคำ   วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่    
แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของจีนที่นำมาใช้ในการออกแบบประกอบด้วย มังกร หงส์ไป่เคอ ลายสายฟ้า ลายเมฆใช้วิธีการลงรักปิดทอง


    
การตกแต่งผนังด้วยแผ่นกระเบื้องเคลือบสีขนาดเล็ก
เป็นลวดลายทางคริสตศาสนาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ
  
    
การออกแบบลวดลายผ้าด้วยการทำบาติก
ลวดลายประดับกระจกสีของมหาวิหาร Chartres

2.  การออกแบบลวดลายตกแต่งผลิตภัณฑ์  3  มิติ

paste_image39.jpg
                การออกแบบลวดลายตกแต่งผลิตภัณฑ์  3  มิติ   เป็นการออกแบบลวดลายบนรูปทรงที่มีความลึกและหนา  ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป  ดังนั้นการออกแบบลวดลายจึงต้องคำนึลถึงรูปทรงเหล่านี้ประกอบด้วยเพื่อให้ เกิดการสอดคล้อง  สัมพันธ์กัน  เช่น  รูปทรงกลม  สามเหลี่ยม  สี่เหลี่ยมและรูปทรงอิสระอื่นๆ
                รูปทรงต่างๆนี้อาจจะมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่ต่างกัน  ซึ่งแต่ละลักษณะของลวดลายจะมีเป้าหมายที่เหมือนกันคือ  ต้องสร้างความสวยงามเหมาะสมให้กับรูปทรงนั้น

ลวดลายบนแก้วเป็นชุดต่างๆ

3.  การออกแบบลวดลายตกแต่งสถาปัตยกรรม   
                การออกแบบลวดลายตกแต่งสถาปัตยกรรม   เป็นการใช้ลวดลายตกแต่งพื้นที่ต่างๆของสถาปัตยกรรมทั้งภายในและภายนอกให้มี ความสวยงาม  อลังการ  น่าศรัทธา  การตกแต่งสถาปัตยกรรม  ในระยะแรกๆจะเน้นที่ศาสนสถาน  เช่น  วิหาร  โบสถ์  ก่อนจะปรับเปลี่ยนมาใช้กับที่พักอาศัยโดยวิธีการที่ใช้จะแตกต่างกันออกไปตาม วัตถุประสงค์  ลักษณะของงานและพื้นที่ในการตกแต่งลวดลาย  ซึ่งวิธีการโดยรวมจะมี 2 วิธี คือ
                3.1  ประติมากรรม    จะเป็นการนำเอากรรมวิธีต่างๆในการสร้างลวดลายทางประติมากรรมมาประกอบเข้ากับ รูปทรงสถาปัตยกรรม  ช่วยเน้นความงามของสถาปัตยกรรมให้เด่นชัดขึ้น  โดยทำให้ประโยชน์ใช้สอยสูญเสียไป  เช่น  การแกะสลักลวดลายหัวเสาของอียิปต์  กรีก  และโรมัน  การปั้นลวดลายตกแต่งซุ้มประตูโขง  หน้าบันของอุโบสถและวิหารในศิลปะล้านนา  หรือการแกะสลักบานประตู  บานหน้าต่างของศาสนสถานต่างๆ
ลวดลายปูนปั้นตกแต่งซุ้มประตูโขง  วัดพระธาตุลำปางหลวง จังหวัดลำปาง
                3.2  จิตรกรรม ลวดลายที่นำมาใช้สำหรับตกแต่งสถาปัตยกรรมโดยใช้วิธีการทางจิตรกรรม  ผู้ออกแบบนนิยมนำลวดลายที่เป็นมงคลมีความหมายในการเสริมชีวิตให้เจริญ รุ่งเรืองขึ้น  หรือลวดลายที่บอกเล่าเรื่องราวทางศาสนา  และความเชื่อต่างๆ ซึ่งในแต่ละเรื่องราวจะสอดแทรกเนื้อหาทางสังคม  ประเพณี  และประวัติศาสตร์เอาไว้อยู่เสมอ
จิตรกรรมสีฝุ่นบนแผงไม้คอสอง  ของวิหารน้ำแต้ม  วัดพระธาตุลำปางหลวง


ชนิดของการออกแบบลวดลาย

           ผลงานการออกแบบลวดลายที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมา  บ่งบอกถึงจินตนาการไม่มีที่สิ้นสุดของมนุษย์
ซึ่งผลงานเหล่านี้จะมีความแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของงาน ของวัสดุ และของกรรมวิธีในการสร้างสรรค์

การออกแบบลวดลายแบ่งออกเป็นชนิดใหญ่ๆได้ 3 ชนิด คือ

  1. การออกแบบลวดลายตกแต่งวัสดุ 2 มิติ
  2. การออกแบบลวดลายตกแต่งผลิตภัณฑ์  3 มิติ
  3. การออกแบบลวดลายสถาปัตยกรรม

1.  การออกแบบลวดลายตกแต่งวัสดุ  2  มิติ

                การออกแบบลวดลายตกแต่งวัสดุ 2 มิติ เป็นการออกแบบลวดลายลงบนวัสดุที่เป็นพื้นระนาบ  มีความกว้างกับความยาวเท่านั้น  เช่น  กระดาษ  ไม้  ผนัง  ผ้า  กระจก  ซึ่งลักษณะของลวดลายที่ออกแบบลงบนวัสดุเหล่านี้  จะแตกต่างออกไปตามวัตถุประสงค์และกรรมวิธี เช่น
paste_image19.jpg
                1.1  การออกแบบลวดลายบนกระดาษ  เป็นการออกแบบที่ต้องการบันทึกเหตุการณ์  เรื่องราวและความรู้ต่างๆให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา  การออกแบบลวดลายลักษณะนี้จึงมักจะใช้ประกอบกับการเขียนอักษร  โดยการใช้ลวดลายเป็นสื่ออธิบายให้ทำความเข้าใจง่ายขึ้น  การออกแบบลวดลายบนกระดาษสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การวาดภาพ  การทำแม่พิมพ์จากไม้หรือโลหะ  การจารด้วยเหล็กแหลม  การพิมพ์ด้วยแท่นพิมพ์
               paste_image25.jpg1.2  การออกแบบลวดลายบนไม้  เป็นการออกแบบเพื่อประดับตกแต่งไม้ที่ใช้ประกอบสถาปัตยกรรมให้มีความสวยงาม  มีเนื้อหาสาระมากขึ้นนอกจากนี้การเตรียมพื้นที่ก่อนการออกแบบลวดลายลงไป  ยังช่วยให้เนื้อไม้มีความทนทานยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น
                1.3  การออกแบบลวดลายบนผนัง    เป็นการออกแบบพื้นผิวระนาบที่มีความเก่าแก่ที่สุด  ที่มีมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์  และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน  เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่รอบตัวมนุษย์  พบเห็นได้ทุกวัน  เช่น  ผนังถ้ำ  เพิงผา  ฝาบ้าน  ผนังโบสถ์และวิหาร  จึงง่ายและเหมาะสมในการออกแบบลวดลาย
                ลักษณะของลวดลายจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยโดยสอดคล้องกับความเชื่อ  ศาสนาและความสามารถของผู้สร้างสรรค์ผลงาน
                1.4  การออกแบบลวดลายบนผ้า  เป็นการออกแบบลวดลายเพื่อตกแต่งวัสดุที่มีความเบาบางอ่อนพลิ้ว  ลักษณะของลวดลายจะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน  เช่น  นำมาตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าสำหรับใช้สอย  หรือทำพระบฏสำหรับตอบสนองความเชื่อ  ความศรัทธาในศาสนา  การออกแบบลวดลายผ้ามีหลายวิธี  เช่น  การย้อมผ้า  การทอและการวาดภาพระบายสี
                1.5  การออกแบบลวดลายบนกระจก    เป็นการออกแบบลาดลายบนวัสดุที่มีความมันและเรียบ  โดยการเขียนสี  กัดด้วยกรดหรือพ่นด้วยทราย  ในสมัยโกธิก (Gothic) จะใช้วิธีประดับกระจกสีหน้าต่าง (Stained  Glass) ของวิหาร  ความสดใสของสีกระจกเมื่อแสงสว่างส่องผ่าน  สร้างบรรยากาศให้เกิดความขลังและศักสิทธิ์
 
 การออกแบบลวดลายผนังหุ้มกลอง  ด้านหลังพระพุทธสิหิงค์ วิหารลายคำ   วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่    
แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของจีนที่นำมาใช้ในการออกแบบประกอบด้วย มังกร หงส์ไป่เคอ ลายสายฟ้า ลายเมฆใช้วิธีการลงรักปิดทอง


    
การตกแต่งผนังด้วยแผ่นกระเบื้องเคลือบสีขนาดเล็ก
เป็นลวดลายทางคริสตศาสนาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ
  
    
การออกแบบลวดลายผ้าด้วยการทำบาติก
ลวดลายประดับกระจกสีของมหาวิหาร Chartres

2.  การออกแบบลวดลายตกแต่งผลิตภัณฑ์  3  มิติ

paste_image39.jpg
                การออกแบบลวดลายตกแต่งผลิตภัณฑ์  3  มิติ   เป็นการออกแบบลวดลายบนรูปทรงที่มีความลึกและหนา  ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป  ดังนั้นการออกแบบลวดลายจึงต้องคำนึลถึงรูปทรงเหล่านี้ประกอบด้วยเพื่อให้ เกิดการสอดคล้อง  สัมพันธ์กัน  เช่น  รูปทรงกลม  สามเหลี่ยม  สี่เหลี่ยมและรูปทรงอิสระอื่นๆ
                รูปทรงต่างๆนี้อาจจะมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่ต่างกัน  ซึ่งแต่ละลักษณะของลวดลายจะมีเป้าหมายที่เหมือนกันคือ  ต้องสร้างความสวยงามเหมาะสมให้กับรูปทรงนั้น

ลวดลายบนแก้วเป็นชุดต่างๆ

3.  การออกแบบลวดลายตกแต่งสถาปัตยกรรม   
                การออกแบบลวดลายตกแต่งสถาปัตยกรรม   เป็นการใช้ลวดลายตกแต่งพื้นที่ต่างๆของสถาปัตยกรรมทั้งภายในและภายนอกให้มี ความสวยงาม  อลังการ  น่าศรัทธา  การตกแต่งสถาปัตยกรรม  ในระยะแรกๆจะเน้นที่ศาสนสถาน  เช่น  วิหาร  โบสถ์  ก่อนจะปรับเปลี่ยนมาใช้กับที่พักอาศัยโดยวิธีการที่ใช้จะแตกต่างกันออกไปตาม วัตถุประสงค์  ลักษณะของงานและพื้นที่ในการตกแต่งลวดลาย  ซึ่งวิธีการโดยรวมจะมี 2 วิธี คือ
                3.1  ประติมากรรม    จะเป็นการนำเอากรรมวิธีต่างๆในการสร้างลวดลายทางประติมากรรมมาประกอบเข้ากับ รูปทรงสถาปัตยกรรม  ช่วยเน้นความงามของสถาปัตยกรรมให้เด่นชัดขึ้น  โดยทำให้ประโยชน์ใช้สอยสูญเสียไป  เช่น  การแกะสลักลวดลายหัวเสาของอียิปต์  กรีก  และโรมัน  การปั้นลวดลายตกแต่งซุ้มประตูโขง  หน้าบันของอุโบสถและวิหารในศิลปะล้านนา  หรือการแกะสลักบานประตู  บานหน้าต่างของศาสนสถานต่างๆ
ลวดลายปูนปั้นตกแต่งซุ้มประตูโขง  วัดพระธาตุลำปางหลวง จังหวัดลำปาง
                3.2  จิตรกรรม ลวดลายที่นำมาใช้สำหรับตกแต่งสถาปัตยกรรมโดยใช้วิธีการทางจิตรกรรม  ผู้ออกแบบนนิยมนำลวดลายที่เป็นมงคลมีความหมายในการเสริมชีวิตให้เจริญ รุ่งเรืองขึ้น  หรือลวดลายที่บอกเล่าเรื่องราวทางศาสนา  และความเชื่อต่างๆ ซึ่งในแต่ละเรื่องราวจะสอดแทรกเนื้อหาทางสังคม  ประเพณี  และประวัติศาสตร์เอาไว้อยู่เสมอ
จิตรกรรมสีฝุ่นบนแผงไม้คอสอง  ของวิหารน้ำแต้ม  วัดพระธาตุลำปางหลวง

ประเภทของลวดลาย

                ลวดลายที่มนุษย์นำมาออกแบบเพื่อสร้างสรรค์ผลงาน  ล้วนแล้วแต่ได้รับอิทธิพลมาจากสิ่งที่อยู่รอบตัวแทบทั้งสิ้น  บางลวดลายจะนำเอาสิ่งที่พบเห็นแสดงออกมาตรงๆ โดยไม่ประยุกต์หรือดัดแปลง  แต่บางลวดลายได้ผ่านกระบวนการคิดและกลั่นกรองมาอย่างเป็นระบบเพื่อให้ลวดลาย ที่จะนำมาใช้งานมีความสมบูรณ์ที่สุด
                เนื่อจากมีลวดลายบางประเภทจะมีความหมายที่ซ่อนเร้นแอบแฝงอยู่  ลักษณะของลวดลายจะเป็นสัญลักษณ์หรือปริศนาธรรม  การเลือกใช้จึงควรรู้ถึงความหมายและใช้อย่างเหมาะสมซึ่งลวดลายเหล่นนี้จำแนก ได้เป็น 3 ประเภทดังนี้
                1.ลวดลายธรรมชาติ
                ลวดลายธรรมชาติ  เป็นลวดลายที่พบเห็นอยู่ทั่วไปในชีวิตประจำวันถูกมนุษย์นำมาเป็นสื่อในการ บันทึกและบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ  ตลอดจนนำมาสร้างสรรค์เป็นลวดลายในสร้างความสวยงามให้กับผลิตภัณฑ์  เครื่องมือ  เครื่องใช้  ที่พักอาศัย  และศาสนสถาน
ลวดลายจากธรรมชาติเหล่านี้ประกอบด้วย
paste_image53.jpg
 1.1   ลวดลายจากสิ่งที่มีชีวิต  เช่น  คน  สัตว์  ถูกนำมาออกแบบเป็นลวดลายในลักษณะที่เหมือนจริงบ้าง  ถูกตัดทอนเพื่อลดความซับซ้อนลงบ้างหรือถูกเพิ่มเติมโดยผสมผสานจิตนาการและ ความเชื่อให้ดูสูงส่ง  น่าเชื่อถือเข้าไปบ้าง
1.2   ลวดลายจากสิ่งที่ไม่มีชีวิต เช่น ภูเขา ต้นไม้ ทะเล แม่น้ำ เป็นลวดลายนิยมนำมาใช้ในการออกแบบเพื่อสร้างสีสันและบรรยากาศมากที่สุดชนิด หนึ่งอาจจะใช้สิ่งที่ไม่มีชีวิตเพียงอย่างเดียว  หรือนะมาประกอบเข้ากับสิ่งมีชีวิตทำให้ลวดลายมีความสมดุลขึ้นและลวดลายชนิด นี้ถูกนำไปประยุกต์  ดัดแปลงสร้างความสวยงามได้อย่างเหมาะสมกลมกลืนกับขนบธรรมเนียบประเพร๊ของ ประเทศต่างๆ ได้เป็นอย่างดี  เช่น  หลายกระหนกต่างๆ ของไทย

2. ลวดลายเลขาคณิต
                ลวดลายเลขาคณิต เป็นลวดลายที่เกิดจากการขูดขีดเส้นเป็นลวดลายง่ายๆ  ก่อนจะนำมาประกอบกันจนเกิดเป็นรูปร่างขึ้นมา  ตามลักษณะของเลขาคณิตและถูกนำไปใช้ออกแบบเป็นลวดลายตกแต่งในผลงานทางศิลปะ แขนงต่างๆ
 ลวดลายเรขาคณิต ที่นำมาออกแบบจัดวางบนถุงกระดาษให้ดูแปลกตา

 3. ลวดลายสัญลักษณ์
                ลวดลายสัญลักษณ์  เป็นลวดลายที่เกิดจากการนำลวดลายจากธรรมชาติ  และลวดลายเลขาคณิตมากำหนดเป็นสัญลักษณ์  และให้ความหมายขึ้นมานอกเหนือจากการตกแต่งเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว โดยความหมายต่างๆ จะถูกซ้อนเร้นเป็นปริศนาเพื่อให้ผู้พบเห็นได้คิดและแปลความหมายออกมาตามหลัก ของศาสนาในแต่ละลัทธิ  แต่ละนิกาย  ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นมงคลแก่ชีวิตทั้งสิ้น  เช่น  อวยพรให้มีความสุข  อายุยืน  เจริญก้าวหน้าในอาชีพ  ร้ำรวยทรัพย์สินเงินทองหรือในบางศษสนาจะใช้สัญลักษณ์บอกเล่าเรื่องราวทาง ศาสนสา  เช่น
                นกอินทรี  เป็นสัญลักษณ์ของพระคริสต์ (กุลวดี  มกราภิรมย์,2542,58)
                ปลา  เป็นสัญลักษณ์ของพระคริศต์และการรับศีลล้างบาป
                หม้อปูรณฆฏะ  เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์เป็นต้น
ภาพ Super at Emmaus เป็นภาพลวดลายสีน้ำมันบนผ้าใบ
วาดเมื่อ ค.ศ. 1525 แสดงลวดลายสัญลักษณ์รูปดวงตาในสามเหลี่ยม   
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตรีเอกภาพในศาสนาคริสต์

สรุป 

                การออกแบบลวดลายเป็นผลงานศิลปะชนิดแรกที่มนุษย์เริ่มรู้จักสร้างสรรค์  โดยการขูดขีดลงบนอาวุธ  เครื่องมือ  เครื่องใช้  และพัฒนามาเป็นการเขียนสีบนร่างกาย  บนผนังถ้ำ  และเพิงผาที่พักอาศัย  ลวดลายในระยะแรกๆ จะเรียบง่าย  บริสุทธิ์  สื่อความหมายออกมาตรงๆ  โดยไม่สลับซับซ้อน  เช่น  ภาพคน  สัตว์  เครื่องใช้ไม้สอย  ซึ่งลวดลายเหล่านี้จะแทรกอยู่ในงานศิลปะทุกแขนงและนำถูกนำมาแยกประเภทตาม กรรมวิธีในการสร้างเป็นจิตกรรม  ประติมากรรม  สถาปัตยกรรม  และภาพพิมพ์ในภายหลังเพื่อการจัดหมวดหมู่ของงาน
                การออกแบบลวดลายแบ่งออกได้ 3 ชนิดได้แก่  การออกแบบลวดลายตกแต่งวัสดุ 2 มิติ  การออกแบบลวดลายตกแต่งผลิตภัณฑ์ 3 มิติ  และการออกแบบลวดลายสถาปัตยกรรม  โดยลวดลายที่นำมาใช้ออกแบบนั้นจะได้มาจากธรรมชาติ  จากรูปทรงเลขาคณิตและสัญลักษณ์ต่างๆ

ที่มา http://netra.lpru.ac.th/~weta/m1/index.html




งานวาดเส้นลวดลาย
ลวดลายเป็นงานสร้างสรรค์ของมนุษย์ของแต่ละ เชื้อชาติ และสืบทอกกันมาตาม สกุลช่าง ดังนั้นลวดลายที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน นอกจากความสวยงามที่ถ่ายทอดออกมาทางด้านทักษะฝีมือ ความนึกคิดสร้างสรรค์ทางงานศิลปะยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึง ความละเอียดอ่อนทางอารมณ์ของชนชาตินั้น ๆ และเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชาตินั้น ๆ
ภาพที่ 7.1 แบบวาดเส้นลวดลายของชาวอินเดีย
ที่มา (Mumbai, 1999, pp. 29)
ภาพที่ 7.2 แบบวาดเส้นลวดลายของชาวอินโดนีเซีย
ที่มา (ปรัชญา อาภรณ์, 2538, หน้า 16)
ภาพที่ 7.3 แบบวาดเส้นลวดของชาวจีน
ที่มา (ปรัชญา อาภรณ์, 2538, หน้า 17)
ภาพที่ 7.4 แบบวาดเส้นลวดลายของชาวยุโรป
ที่มา (ปรัชญา อาภรณ์, 2538, หน้า 18)
ภาพที่ 7.5 แบบวาดเส้นลวดลายชาวอียิปต์
ที่มา (ปรัชญา อาภรณ์, 2538, หน้า 19)
ภาพที่ 7.6 แบบวาดเส้นลวดลายบนผิวเครื่องปั้นดินเผา
(แสดงแบบวาดเส้นลวดลายบนผิวเครื่องปั้นดินเผาของลายบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี)
ในการศึกษาเกี่ยวกับลวดลายต่าง ๆ จึงมีแนวทางการศึกษา และฝึกปฏิบัติดังนี้
1. ศึกษางวดลายที่เกิดจากวาดเส้นที่มีแบบแผน ในการกำหนดระยะแน่นอน มีกรอบกำหนดให้วาดลาย หรือเรียกว่า PATTERNS ลักษณะงานให้ความรู้สึกที่เป็นระเบียบเรียบร้อย มีความชัดเจน ซึ่งมีทั้งเหลี่ยม โค้ง และวงกลม ซึ่งมีรูปแบบซ้ำ ๆ กัน แต่ต่อเนื่องผูกพัน
ภาพที่ 7.7 ภาพวาดเส้นที่มีแบบแผน
(แสดงแบบวาดเส้นลวดลายในวงกลมที่มีแบบแผน ในการกำหนดระยะแน่นอน)
2. ศึกษาลวดลายที่เกิดจากวาดเส้นอิสระ หรือเรียกว่า FOLK DESIGNS เป็นการวาดเส้นไม่อาศัยกรอบ หรือ การแบ่งระยะด้วยเครื่องวัดที่ตายตัว แต่ลวดลาย ก็มีจังหวะของตัวลาย เป็นลักษณะ และ รูปแบบเดียวกัน ให้ภาพเป็นลักษณะลวดลายอิสระ ไม่ต้องคำนึงถึงการซ้ำกันที่จะต้องเหมือนกันทุกระยะ
ภาพที่ 7.8 ภาพวาดเส้นอิสระ
(แสดงแบบลวดลายการวาดเส้นไม่อาศัยการแบ่งระยะที่แม่นยำ ใช้วิธีแบ่งจังหวะของลายโดยอาศัยทักษะและความชำนาญ)
ในงานออกแบบวาดเส้นจึงแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบใหญ่ ๆ คือ ลวดลายมีแบบแผน หรือที่เรียกว่า PATTERNS และลวดลายทักษะอิสระ หรือที่เรียกว่า FOLK DESIGNS
ลวดลายที่มีแบบแผน
ลวดลายในลักษณะนี้มีการจัดวางซ้ำ ๆ กัน และสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน ซึ่งแบ่งออกได้เป็น
1. ลวดลายที่จัดอยู่ในวงกลมซึ่งจะอยู่ในลักษณะของรูปเหลี่ยมต่างๆ ในขั้นแรกจะต้องศึกษา และทำความเข้าใจกับคุณสมบัติของรูปเหลี่ยมต่างๆ เพื่อเป็นพื้นฐานและแนวทางที่สำคัญในการ วาดเส้นและออกแบบลวดลาย ซึ่งมีดังนี้
รูปสามเหลี่ยมด้านเท่า มุมภายในเท่ากับ 60 องศา รูปสี่เหลี่ยมด้านเท่า มุมภายในเท่ากับ 90 องศา
รูปห้าเหลี่ยมด้านเท่า มุมภายในเท่ากับ 108 องศา รูปหกเหลี่ยมด้านเท่า มุมภายในเท่ากับ 120 องศา
รูปเจ็ดเหลี่ยมด้านเท่า มุมภายในเท่ากับ 129 องศา รูปแปดเหลี่ยมด้านเท่า มุมภายในเท่ากับ 135 องศา
รูปเก้าเหลี่ยมด้านเท่า มุมภายในเท่ากับ 140 องศา รูปสิบเหลี่ยมด้านเท่า มุมภายในเท่ากับ 144 องศา
ในรูปเหลี่ยมต่าง ๆ บางรูปจะเห็นได้ว่า เกิดจากแบ่งมุมภายในกัน เช่น รูปหกเหลี่ยมเกิดจาก การแบ่งครึ่งด้านของรูปสามเหลี่ยม รูปแปดเหลี่ยมเกิดจากการแบ่งครึ่งมุมของรูป สี่เหลี่ยม รูปสิบเหลี่ยมเกิดจากการแบ่งครึ่งมุมของรูปห้าเหลี่ยม ดังนั้นการคิดแบ่งกรอบในการออกแบบเพื่อให้มีจังหวะเท่ากันหรือเป็นชุด เดียวกัน การจัดกลุ่มของการแบ่งมุมก็มีความสำคัญในเบื้องต้น
ในการแบ่งรูปเหลี่ยมให้รูปด้านเท่าๆ กัน อาจทำได้หลายวิธี การใช้วงเวียนเป็นวิธีหนึ่งที่ นักออกแบบนิยมใช้ และ เป็นเครื่องมือที่ช่างฝีมือมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งมีรูปแบบที่ นำมาใช้ตลอดจนถึงปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น การใช้วงเวียนแบ่งวงกลมให้ได้รูปสามเหลี่ยม หกเหลี่ยม ห้าเหลี่ยม สิบเหลี่ยม รูปแบบลวดลายที่อยู่ในวงกลม
วิธีสร้างรูปห้าเหลี่ยมด้านเท่า มีขั้นตอนดังนี้
1. วาดรูปวงกลม
2. ลากเส้นผ่าศูนย์กลางทั้งแนวตั้ง และแนวนอน
3. แบ่งครึ่งรัศมีที่จุด A เขียนวงกลม ให้ B เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมีสัมผัสกับวงกลม A ที่จุด C และ E
4. ลาก D-E และใช้ D-E เป็นรัศมี
5. เขียนส่วนโค้งตัดวงกลมใหญ่
6. ลากเส้นตามจุดตัด
รูปห้าเหลี่ยมด้านเท่าแสดงให้เห็นดังภาพต่อไปนี้
ภาพที่ 7.9 ภาพวิธีสร้างรูปห้าเหลี่ยมด้านเท่า
(แสดงการสร้างรูปห้าเหลี่ยมด้านเท่าโดยใช้วงเวียน)
วิธีสร้างรูปหกเหลี่ยมด้านเท่า
1. เขียนรูปวงกลมให้ A เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมี เท่ากับ AB
2. ให้จุดศูนย์กลางเขียนส่วนโค้งตัดวงกลม และจากจุดที่ถูกตัดก็ให้เป็นจุดศูนย์กลาง
3. ใช้เขียนตัดไปรอบ ก็จะเป็นการแบ่งวงกลมได้เป็น 6 ส่วนเท่ากัน
4. ลากเส้นไปตามจุดตัด
รูปหกเหลี่ยมด้านเท่าแสดงให้เห็นดังภาพต่อไปนี้
ภาพที่ 7.10 ภาพวิธีสร้างรูปหกเหลี่ยมด้านเท่า
(แสดงการสร้างรูปหกเหลี่ยมด้านเท่าโดยใช้วงเวียน)
ภาพที่ 7.11 ภาพแบบลวดลายมีแบบแผนของโครงสร้าง
(แสดงลวดลายที่ออกแบบในวงกลมที่มีการแบ่งระยะลงตัว มีแบบแผนของโครงสร้าง)
การเขียนลวดลายในวงกลมที่มีแบบแผน เป็นการวาดเส้นที่ต้องอาศัยความคิดในการสร้างสรรค์ลวดลายโดยใช้เครื่องมือ หลายชนิดมาร่วมกัน มีทั้งไม้บรรทัดที่ใช้วัดระยะ วงเวียนชนิดที่จับได้ทั้งปากกาและดินสอ ไม้บรรทัดโค้ง และแผ่นเจาะกลมขนาดต่าง ๆ
ขั้นตอนในการวาดลวดลายในรูปแบบซ้ำกัน หรือลายย่อย 16 ลาย
ภาพที่ 7.12 ภาพขั้นตอนการวาดลวดลายในรูปแบบซ้ำกัน (1)
(แสดงแบ่งรอบวงกลมออกเป็น 16 ส่วนเท่า ๆ กัน แบ่งรัศมีเพื่อสร้างวงกลม 3 วง 3 ขนาด)
ภาพที่ 7.13 ภาพขั้นตอนการวาดลวดลายในรูปแบบซ้ำกัน (2)
(แสดงตัดแต่งส่วนของวงกลมให้เหลือตัวลายเพียง 1 ตัว แล้ว ทำซ้ำไปรอบวงกลมตามช่องที่แบ่งไว้เท่ากันแล้ว 16 ตัว)
ภาพที่ 7.14 ภาพขั้นตอนการวาดลวดลายในรูปแบบซ้ำกัน (3)
(แสดงตัดส่วนของลายที่ซ้อนทับออก และเริ่มวาดลาย วงใน 1 ตัว แล้วทำซ้ำให้มีขนาด สัดส่วนเท่ากันอีก 16 ส่วนเท่ากัน)
ภาพที่ 7.15 ภาพขั้นตอนการวาดลวดลายในรูปแบบซ้ำกัน (4)
(แสดงการเพิ่มลายระเอียดของของลาย ในลักษณะการกำหนดขึ้นก่อน 1 ส่วน แล้วใช้วิธีการทำซ้ำให้มีขนาดสัดส่วนเท่ากันอีก 16 ส่วน)
การสร้างสรรค์งานลวดลายที่มีระยะลงตัว กำหนดแน่นอน มีความเท่ากันอย่างมี แบบแผน จะเห็นว่าต้องใช้ความตั้งใจและความแม่นยำในการกำหนดระยะ และลักษณะของเส้นจะต้องมีขนาดรูปแบบที่เท่ากันจริง ๆ จึงจะได้ลวดลายที่ถูกต้องสวยงามสมบูรณ์
ภาพที่ 7.16 ภาพโครงสร้างการแบ่งเส้นรอบวงการแบ่งเส้นรอบวง เพื่อการกำหนดละออกแบบลวดลาย
ที่มา (Meyer, 1957, pp. 15)
ภาพที่ 7.17 ภาพโครงสร้างลวดลายที่แบ่งส่วนระยะลงตัวเท่ากัน และแนวทางการออกแบบลวดลาย
ที่มา (Franz Sales Meyer, 1957, pp. 19)
2. ลวดลายต่อแนว จะมีทั้งแนวตั้ง และแนวนอน ซึ่งใช้งานตกแต่งต่างกัน คือ แนวตั้งมักจะตกแต่งส่วนที่เป็นเสา เป็นขา หรือขอบสิ่งก่อสร้างแนวดิ่ง ส่วนลวดลายแนวนอนใช้ ตกแต่งประดับส่วนที่เป็นฐาน หรือขอบบนของสิ่งก่อสร้าง ทั้งสองรูปแบบนี้ผลงานวาดเส้นที่ออกมามีได้ทั้งการเป็นงานสองมิติ หรือ 3 มิติ ซึ่งทำได้ทั้งการแกะสลัก หรือปั้นปูนให้นูนขึ้น รูปแบบของลวดลายจะมีการแบ่งระยะเท่ากันอย่างมีแบบแผนต่อเนื่อง ทั้งรูปแบบแนวตั้ง รูปแบบแนวนอน การสร้างสรรค์งานทั้งสองแบบสามารถใช้คนมาช่วยงานได้จำนวนมาก เพราะสามารถทำไปตามรูปแบบระยะที่กำหนดไว้ให้ได้
ภาพที่ 7.18 ภาพลวดลายต่อแนวที่แบ่งส่วนลักษณะสี่เหลี่ยมและจัดวางต่อเนื่อง
ที่มา (Franz Sales Meyer, 1957, pp. 141)
ภาพที่ 7.19 ภาพลวดลายต่อแนวที่แบ่งส่วนลักษณะสี่เหลี่ยม และจัดวางเฉียงชนมุมต่อเนื่อง
ที่มา (Franz Sales Meyer, 1957, pp. 141)
ภาพที่ 7.20 ภาพโครงสร้างลวดลายต่อแนว ที่แบ่งส่วนใช้วงกลม และจัดวางต่อเนื่องลวดลาย
ที่มา (Franz Sales Meyer, 1957, pp. 137)
ภาพที่ 7.21 ภาพแสดงโครงสร้างวาดลวดลาย โดยอาศัยเครื่องมือทั้งวงกลม ไม้บรรทัด วาดลวดลาย
ที่มา (Meyer, 1957, pp. 137)
ลวดลายทักษะอิสระ
การวาดเส้นลวดลายที่ไม่อาศัยรูปแบบของกรอบระยะ จากเครื่องวัดเข้าช่วย จะพบมากในงานเขียนลายประกอยงานหัตกรรม งานที่ไม่ก่อสร้างใหญ่โตมากนัก ทำได้สะดวก แล้วเสร็จเร็ว อาศัยคนจำนวนน้อย ใช้ความสามรถเฉพาะตัว ตัวอย่างลวดลายที่เขียนบนเครื่องปั้นดินเผา งานเขียนลวดลายบนผ้า การเขียนลวดลายบนร่างกายผิวหนัง (TATOO) รูปแบบของงานลักษณะนี้มีได้ทั้งอยู่ในรูปวงกลม สี่เหลี่ยม เป็นแนวนอน แนวตั้ง ลายคลุมพื้น หรือวาดเต็มพื้นที่ และลายเด่นลอยเฉพาะตัว

ภาพที่ 7.22 ภาพลวดลายทักษะอิสระ รูปแบบเคล้าโครงสี่เหลี่ยม
ที่มา (Meyer, 1957, pp. 59, 66, 67, 73)


ภาพที่ 7.23 ภาพลวดลายทักษะอิสระรูปแบบเคล้าโครงสี่เหลี่ยม
ที่มา (Meyer, 1957, pp. 62, 71, 81, 82, 132, 133)
รูปแบบของวงกลม FOLK DESIGNS


ภาพที่ 7.24 ภาพลวดลายทักษะอิสระรูปแบบเคล้าโครงวงกลม
ที่มา (Meyer, 1957, pp. 43, 48, 49, 50, 51, 53)


ภาพที่ 7.25 ภาพลวดลายทักษะอิสระ รูปแบบเค้าโครงวงกลม
ที่มา (Meyer, 1957, pp. 52, 54, 55, 68, 139, 197)
การได้ศึกษาจากรูปแบบดั่งเดิมก่อนการลงมือวาดเส้น ลวดลายในลักษณะทักษะอิสระ จะทำให้รู้ถึงแนวคิด การสร้างสรรค์ผลงานของมนุษย์ ได้เป็นอย่างดีว่า คิดอย่างไร เริ่มต้นอย่างไร วาดเส้นอย่างไร จนได้รูปแบบที่ดีอย่างไร เป็นแนวทางวาดเส้นออกแบบสร้างสรรค์ นำไปประกอบงานตกแต่งได้เป็นอย่างดี

ภาพที่ 7.26 ภาพลวดลายทักษะอิสระ รูปแบบคลุมพื้นที่ หรือลายพื้นของผ้า
ที่มา (May, n.d., pp. 167)
ภาพที่ 7.27 ภาพลวดลายทักษะอิสระอิสระแนวตั้ง
ที่มา (May, n.d., pp. 211)
ภาพที่ 7.28 ภาพลวดลายทักษะอิสระแนวนอน
ที่มา (May, n.d., pp. 205)
ภาพที่ 7.29 ภาพลวดลายทักษะอิสระที่เป็นลักษณะเด่นลอยเฉพาะตัวแต่ส่วนประกอบภาพภายในเป็นลวดลายที่มีเคล้าโครงที่ต่อเนื่องเหมือนกัน
ที่มา (May, n.d., pp. 346)
การวาดลวดลาย และ ผลงานทักษะอิสระ มีเกือบกันทุกชนชาติ มีทั้งเขียนบนภาชนะ หรือเครื่องใช้ค่างๆ บนผ้า หรือ เครื่องนุ่งห่ม บนอาคารที่อยู่อาศัย ทั้งภายใน ภายนอก บางเผ่าพันธุ์ก็เขียนบนร่างกาย จุดประสงค์ของการเขียนก็เพื่อประดับตกแต่ง ให้เกิดความสวยงาม เพื่อบ่งบอกถึงระดับฐานะของผู้เป็นเจ้าของ และ จากธรรมชาติ ที่ต้องแสดงออก ถึงความคิดสร้างสรรค์ ที่เป็นคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่ง ของมนุษย์เรา
สรุป
งานวาดเส้นลวดลาย เป็นงานออกแบบในลักษณะของการตกแต่งมีทั้งตกแต่งงานสิ่งก่อสร้างทั้งขนาดเล็ก และ ใหญ่ ตกแต่งงานหัตกรรมเครื่องใช้ต่าง ๆ รูปแบบของลวดลายมี รูปแบบของการวาดเส้นมีระเบียบแบบแผน กำหนดระยะแน่นอน และรูปแบบของการวาดเส้นที่ไม่กำหนดระยะแน่นอน อยู่ในการวาดเส้นที่อาศัยทักษะฝีมือ ในการจัดลวดลาย หรือ ในลักษณะการวาดเส้นอิสระ ซึ่งทั้งสองอาจมีโครงสร้างทั่วไปที่คล้าย ๆ กัน ลวดลายที่อาศัย รูปวงกลม รูปหลายเหลี่ยม จัดองค์ประกอบในแนวตั้ง จัดองค์ประกอบในแนวนอน

  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น